แนะนำ: GitHub Copilot คุ้มค่าหรือไม่? (2025) : ราคา, แผน, รีวิวฉบับสมบูรณ์รวมถึง GitHub Copilot Free & วิธีซื้อในไทย (Bit Foundry)

ขอใบเสนอราคาสำหรับทีมคุณ

เปิดใช้งาน GitHub Enterprise CloudGitHub Copilot ฺBusiness หรือ GitHub Copilot ฺEnterprise ผ่าน Bit Foundry ได้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่ info@bitfoundry.co หรือ 062-390-9988 หรือ Line @bitfoundry

แนะนำ: GitHub Copilot คุ้มค่าหรือไม่? (2025) : ราคา, แผน, รีวิวฉบับสมบูรณ์ GitHub Copilot Free & วิธีซื้อในไทย (Bit Foundry)

สรุปสั้นๆก่อนเลย GitHub Copilot คุ้มค่าหรือไม่กับการลงทุน?

ถ้าเราใช้ GitHub Copilot ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ผลตอบแทนที่ได้จากค่าบริการเรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้ม ไม่ว่าในแง่ทั้งเวลาที่จะทำให้งานเสร็จได้เร็วขึ้น ความสุขของ Developer ที่ได้ไป Focus กับส่วนงานที่น่าสนใจ เช่นการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ทาง GitHub เองก็ได้มีการทำ Research ออกมาอย่างเป็นทางการและพบว่า Developer สามารถทำงานได้เร็วขึ้น และ มีความสุขมากขึ้น หากยังไม่แน่ใจและอยากทดลองเอง GitHub Copilot มี Plan Free ที่ทำให้เราสามารถลองใช้งานได้โดยไม่เสียเงินด้วย หากใช้แล้วถูกใจค่อย Upgrade ก็ได้

GitHub Copilot คืออะไร? เจาะลึกเบื้องหลังผู้ช่วย AI อัจฉริยะ

GitHub Copilot เป็นเครื่องมือช่วยเขียนโค้ดที่พัฒนาโดย GitHub และ OpenAI ใช้ AI (Artificial Intelligence) เพื่อทำให้เราสามารถพัฒนาระบบ และ แก้ไข Application ได้อย่างรวดเร็วขึ้นมาก

GitHub ได้ปล่อย Version แรกของ GitHub Copilot ออกมาในช่วงเดือน ตุลาคม 2564 ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาจากเหล่า Developer ได้เป็นอย่างกว้างขวาง เพราะถือว่าเป็น AI Coding Assistant Tools ตัวแรกที่ Developer ได้ใช้งานกันเป็นวงกว้าง Features ต่างๆถือว่าเป็น ก้าวกระโดดจาก Tools ต่างๆในเวลานั้นเป็นอย่างมาก เพราะใช้ LLM (Large Language Model) เขียน Code ในภาษาได้หลายภาษาจาก Comment หรือ Prompt ภาษาคนของ Developer

ในแง่ Technical นั้น Version แรกของ GitHub Copilot ใช้ AI Model OpenAI Codex Model ซึ่งเป็น Model ที่ถูกพัฒนาต่อยอดจาก GPT-3 ของ OpenAI หลังจากนั้น GitHub ก็ได้ปรับปรุง GitHub Copilot อย่างต่อเนื่องไม่ว่าในด้านตัว Feature set เช่น Edit Mode, Agent Mode, MCP Integration หรือ เพิ่มเติม Model ขึ้นมาทั้งของ OpenAI เช่น GPT-5 หรือ Model ของบริษัทอื่นๆ เช่น Claude 3.5 ของ Anthropic, Gemini 2.5 ของ Google, Grok ของ X.AI

นอกเหนือจาก Features ด้านการช่วยเขียน Code แล้ว GitHub Copilot ยังมี Feature ด้าน Governance หรือ Security ต่างๆ ได้ดีกว่า AI Coding Agent ตัวอื่นๆอย่างมาก ด้วยการ Leverage features ต่างๆใน GitHub เอง ทำให้เหมาะแก่การนำมาใช้ในองค์กรที่ต้องดูแลเรื่อง Governance และ Security

แนะนะ Highlight ฟีเจอร์ของ GitHub Copilot (อัปเดตล่าสุด)

  • Edit Mode – แก้ไขหลายไฟล์พร้อมกันด้วย Prompt เดียว เช่น “refactor this using async/await”
  • Agent Mode – แค่บอกเป้าหมายที่ต้องการจะทำ Copilot ก็จะ วางแผนหลาย Step, แก้ไข Code หลายๆ ไฟล์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมถึง ทดลอง build และอ่าน Error message และแก้ไข ้ build error และ build ใหม่ เช่น “Create a meal-planning web app using React and Node.js
  • MCP integration – เพิ่ม Tools ด้วย MCP (Model Context Protocol server) เพื่อเพิ่มความสามารถให้ Copilot เช่น ใช้ @playwright/mcp ให้ Copilot สามารถ “มองเห็น” และ ควบคุม web application ได้
  • Advanced AI models ที่ฉลาดที่สุดในท้องตลาดตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็น GPT-5-Codex, Claude Sonnet 3.7, Claude Sonnet 3.7 Thinking, Claude Sonnet 4, Gemini 2.5 Pro หรือแม้แต่ Grok Code Fast 1 ทั้งนี้บาง Plan อาจจะใช้ได้ไ่ม่ครบทุก Model

GitHub Copilot Plan: แผนไหนเหมาะกับคุณที่สุด?

คำถามที่เราได้จากลูกค้าของเราบ่อยมาก คือ ใช้ Plan ไหนดี

GitHub Copilot มีอยู่ทั้งหมด 5 plan คือ Free, Pro, Pro+, Business, และ Enterprise ซึ่งแต่ละ Plan ก็เหมาะสำหรับกลุ่มที่ม่ความต้องการต่างกันดังนี้

FeaturesCopilot FreeCopilot ProCopilot Pro+Copilot BusinessCopilot Enterprise
เหมาะสำหรับใช้งานส่วนตัวเบาๆ หรือ เพื่อทดลองใช้งานส่วนตัวใช้งานส่วนตัวแบบที่ต้องการ Request เพิ่มมากขึ้น หรือ ใช้ Advanced Modelสำหรับทีมและองค์กรขนาดเล็กที่ต้องการจัดการ Policy อย่างเป็นระบบสำหรับทีมขนาดใหญ่ที่ต้องการ Advanced Models, จัดการอย่างเป็นระบบ ,และ ควบคุมเรื่อง Security อย่างเข้มงวด

จำเป็นต้องใช้กับ GitHub Enterprise เท่านั้น อ่านข้อดีของ GitHub Enterprise ได้ที่นี่

เปรียบเทียบ GitHub Copilot 2025 (Free vs Pro/Pro+ vs Enterprise)

FeaturesCopilot FreeCopilot ProCopilot Pro+Copilot BusinessCopilot Enterprise
Single Sign-OnY (ตาม Single Sign-On Settings ของ GitHub Enterprise)
Premium Requests / เดือน5030015003001000
สามารถซื้อ Premium Request เพิ่มได้YYYY
Copilot coding agent (public preview) (@copilot)YYYY
Models ที่ใช้งานได้ (บางโมเดลจะนับเป็น Premium Request Model)GPT-4.1, GPT-5 mini, Claude Sonnet 3.5, Gemini 2.0 Flashเหมือน Copilot Free และเพิ่ม
GPT-5-Codex, GPT-5, o4-mini, Claude Sonnet 3.7, Claude Sonnet 3.7 Thinking, Claude Sonnet 4, Gemini 2.5 Pro, Grok Code Fast 1
เหมือน Copilot Pro และเพิ่ม o3, Claude Opus 4.1, Claude Opus 4เหมือน Copilot Free และเพิ่ม
GPT-5-Codex, GPT-5, o4-mini, Claude Sonnet 3.7, Claude Sonnet 3.7 Thinking, Claude Sonnet 4, Gemini 2.5 Pro, Grok Code Fast 1
เหมือน Copilot Pro และเพิ่ม o3, Claude Opus 4.1, Claude Opus 4
Custom instructions ในระดับองค์กร (public preview)YY
ยกเว้น File บาง File หรือ Folder จาก Copilot ได้เพื่อความมั่นใจมากขึ้น (Content Exclusion)YY
สามารถจัดการ Policy ได้ในระดับองค์กรYY (สามารถจัดการได้ทั้งระดับองค์กร และหลายๆ องค์กร ผ่าน GitHub Enterprise)
Copilot knowledge bases – เพิ่มข้อมูลเฉพาะขององค์เรา เช่น Framework ที่ใช้ให้กับ CopilotY

คู่มือเริ่มใช้งาน GitHub Copilot ตั้งแต่ต้นจนจบ (สำหรับ VS Code)

การ Install และ Login

หากคุณใช้ VS Code ก่อน Version 1.95 (ออกในเดือน ตุลาคม 2567) คุณจะต้องลง Extension GitHub Copilot ก่อนจึงจะใช้งานได้ แต่ถ้าคุณใช้ Version หลังจากนั้นก็จะไม่ต้องลง Extension วิธีสังเกตุง่ายๆคือจะมี Chat icon ที่ด้านบนของ VS Code

GitHub Copilot Icon

พอเรากดเข้าไปแล้วก็จะเป็นหน้าจอให้ Login เราก็ Login ด้วย User ของเราได้ หรือถ้าของเราบริษัทเราใช้ Single Sign-On แลัวเราก็จะใช้ Microsoft Entra ID หรือ Okta login ไ่ด้เลย

GitHub Copilot Login Screen

พอ login ได้แล้วเราก็จะเห็น Chat Windows อยู่ทางด้านขวา

การเข้าถึง GitHub Copilot

เราสามารถใช้งาน GitHub Copilot ผ่าน VS Code ได้จาก 2 ช่องทางหลัก คือ จาก Auto Complete ใน Editor และจากใน Chat Window

Auto Complete

เป็นวิธีการใช้งานแบบดั้งเดิมที่ออกมาตั้งแต่ Version แรกๆ ของ GitHub Copilot เมื่อเราพิมพ์ใน File Editor ตัว Copilot จะประมวลผลจาก File ที่เราเปิดอยู่ ออกมาเป็น Suggestion สีเทา โดย Copilot จะดูจากทั้ง File ที่เราแก้อยู่ ไฟล์ใน Project (Folder) รวมถึง Code และ Comment ที่เราเพิ่งพิมพ์เข้าไปแล้วออกมาเป็น Suggestion

การใช้งานในช่องทางนี้จะเหมือนกับ Copilot ช่วยทำงานไปพร้อมๆกับเรา เราแก้ไฟล์ไปแล้ว Copilot ช่วยเขียน Code จุดนั้นไปกับเรา

Chat Window

Chat Window เป็นการใช้งานที่เพิ่มขึ้นมาภายหลัง และ เป็นกลายเป็นวิธีที่ทำงานได้ดีมาก เพราะเราสามารถสั่งงาน Copilot ในภาพที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม จากการแก้ไข Code เพียงไม่กี่บันทัด เป็นการแก้ไขหลายๆไฟล์ที่เกี่ยวข้องไปพร้อมๆกัน หรือ การอธิบายเป้าหมายว่าเราต้องการให้เกิดอะไรขึ้นแล้วให้ Copilot คิด วางแผน แก้ไขหลายๆไฟล์ รวมไปถึง run command line เพื่อตรวจสอบการแก้ไขที่ตัวเองด้วย

ใน Chatt Window จะมีส่วนใช้งานอยู่ 5 ส่วน คือ prompt, context, mode, model, tools

Prompt

คือช่องที่เราใส่ข้อความเพื่อสั่งงานให้ Copilot ทำงานให้เรา โดยเราสามารถสั่งงานให้ Copilot ตอบคำถาม โดยไม่ต้องแก้ไข Code (Mode Ask) หรือ แก้ไขไฟล์ เช่น implement feature, refactor, เขียน test ได้ เราควรให้ detail ใน prompt มากพอที่จะให้ Copilot ทำงานได้อย่างชัดเจน เปรียบเทียบได้กับการที่เราไปขอให้ Junior Developer ช่วยทำ Feature หรือ แก้ไข Bug ให้ หากให้ข้อมูลน้อยเกินไป ก็อาจจะได้ผลลัพธ์กลับมาไม่ตรงกับที่เราอยากได้ โดย Context สามารถช่วยได้หากเป็นข้อมูลที่มีอยู่แล้ว

Context

เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับ Copilot เพื่อให้ Copilot สามารถใช้ข้อมูลได้ตรงจุดมากขึ้น เช่น เจาะจงว่าให้อ่านไฟล์ไหน เพื่อเอาตอบคำถาม หรือ แก้ไข Code โดยให้ดูไฟล์ไหนเป็นตัวอย่าง

Context

Agent Mode & Edit Mode: ฟีเจอร์ที่ Developer ในไทยต้องรู้

เราสามารถเลือก Mode ได้ว่าเราต้องการให้ Copilot ทำอย่างไรกับ Prompt ของเรา

Modeใช้เพื่อ
Askให้ Copilot แค่ตอบคำถามเราอย่างเดียว อาจจะเป็นคำถามที่เกี่ยว
Editให้ Copilot แก้ไขไฟล์ ลบไฟล์ สร้างไฟล์ใหม่ได้ ด้วย Prompt เดียว เช่น “refactor this using async/await”
Agentแค่บอกเป้าหมายที่ต้องการจะทำ Copilot ก็จะ วางแผนหลาย Step, แก้ไข Code หลายๆ ไฟล์ เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมถึง ทดลอง build และอ่าน Error message และแก้ไข ้ build error และ build ใหม่ เช่น “Create a meal-planning web app using React and Node.js”

Models และ Requests

เวลาที่เราใช้งาน Copilot เราสามาถเลือกได้ว่าในงานนั้นๆ เราต้องการใช้ Model ไหน ซึ่งแต่ละ Model ก็จะมีข้อดีข้อเสีย และ ใช้ Quota ที่เราได้รับแตกต่างกันไป

เราสามารถเลือก Model ได้จาก Model dropdown list ใต้ช่อง Prompt โดยที่แต่ละ Model ก็จะใช้ Quota ไม่เท่ากัน โดยสามารถดูได้จากตัวเลขที่อยู่ทางขวาของชื่อ Model เช่น GPT-4.1 Claude Sonnet 3.5 จะได้ 1 Premium Request ในขณะ o3-mini จะใช้เพียง 0.3 Premium Request เท่านั้น ส่วน Model ที่มีค่า Factor เป็น 0x แสดงว่าจะไม่เสีย Premium Request เลย ทั้งนี้ Premium Request Quota ที่แต่ละ User ได้ในแต่ละเดือนจะขึ้นอยู่กับ Plan ของ GitHub Copilot

Note: ถ้าช่อง Model dropdown list ของคุณ ไม่มี Model ที่ต้องการอยู่ อาจจะต้องไป Enable จากใน Organization Settings โดยดูรายละเอียดได้ที่ https://www.bitfoundry.co/how-to-enable-models-in-github-copilot/

Pro Tips

ไฟล์ .github/copilot-instructions.md

ไฟล์ copilot-instructions.md มีไว้เพื่อกำหนด “คู่มือ” หรือ “แนวทาง” สำหรับการใช้งาน GitHub Copilot (หรือ AI coding assistant ที่คล้ายกัน) ภายในโปรเจกต์นั้น ๆ สำหรับคนที่เคยใช้ Claude Code ก็จะประมาณ CLAUDE.MD ครับ

ในไฟล์นี้เราจะก็อธิบายแนวทางต่าง, Coding Convention, API ที่ให้ใช้ได้, Library ที่ให้ใช้ได้

ตัวอย่าง (จาก https://copilot-instructions.md/)

We use Bazel for managing our Java dependencies, not Maven, so when talking about Java packages, always give me instructions and code samples that use Bazel.

We always write JavaScript with double quotes and tabs for indentation, so when your responses include JavaScript code, please follow those conventions.

Our team uses Jira for tracking items of work.

MCP

วิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย: GitHub Copilot ดีจริงหรือแค่เครื่องมือเสริม?

GitHub Copilot คุ้มค่าหรือไม่กับการลงทุน?

ถ้าเราใช้ GitHub Copilot ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพแล้ว ผลตอบแทนที่ได้จากค่าบริการเรียกได้ว่าคุ้มเกินคุ้ม ไม่ว่าในแง่ทั้งเวลาที่จะทำให้งานเสร็จได้เร็วขึ้น ความสุขของ Developer ที่ได้ไป Focus กับส่วนงานที่น่าสนใจ เช่นการวิเคราะห์และออกแบบระบบ ทาง GitHub เองก็ได้มีการทำ Research ออกมาอย่างเป็นทางการและพบว่า Developer สามารถทำงานได้เร็วขึ้น และ มีความสุขมากขึ้น

คำตอบสุดท้ายและคำแนะนำจากเรา

หากคุณยังไม่เคยได้ใช้ เราขอแนะนำให้คุณลองใช้ Copilot Free เพื่อจะได้สัมผัสประสบการณ์ ว่า AI Coding Agent สามารถช่วยงานเราได้มากแค่ไหน ถ้าต้องการเปิดใช้งานจริงจังในบริษัทหรือทีมของคุณ ก็สามารถติดต่อเราได้เลย

วิธีการซื้อ GitHub Enterprise ในประเทศไทย

การซื้อ GitHub Enterprise ทำได้ง่ายและสะดวก ไม่ต้องใช้บัตรเครดิต โดยสามารถซื้อผ่านทาง Bit Foundry ได้ ผ่านการออก Invoice และใบกำกับภาษีไทย

ขอใบเสนอราคาสำหรับทีมของคุณ

ทำไมต้องซื้อ GitHub Copilot Enterprise/Business ผ่าน Bit Foundry?

✅ หมดปัญหาเรื่องเอกสารและการเบิกจ่าย: เราออกใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบในนามบริษัท ช่วยให้ฝ่ายจัดซื้อและฝ่ายบัญชีของคุณทำงานง่ายขึ้น

✅ ชำระเงินสะดวก ไม่ต้องใช้บัตรเครดิตบริษัท: รองรับการชำระเงินผ่านการโอน (Bank Transfer) ในสกุลเงินบาท ลดความยุ่งยากในการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ

✅ มั่นใจด้วยทีมที่ปรึกษาและทีม Setup คนไทย: สื่อสารง่าย ถามตอบได้รวดเร็ว พร้อมให้คำแนะนำการ Setup Copilot ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับทีมของคุณ

✅ จัดการ License ของทีมได้ง่ายในที่เดียว: ช่วยคุณจัดการสิทธิ์การเข้าถึง (Seat Management) ของพนักงานได้อย่างมีสะดวก

เปิดใช้งาน GitHub Enterprise CloudGitHub Copilot ฺBusiness หรือ GitHub Copilot ฺEnterprise ผ่าน Bit Foundry ได้ใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบ ติดต่อขอใบเสนอราคาได้ที่ info@bitfoundry.co หรือ 062-390-9988 หรือ Line @bitfoundry

References